พายุหมุน
คือ ลมที่พัดด้วยความเร็วสูงหรือเรียกว่าลมพายุ เกิดจากความกดอากาศสองแห่งแตกต่างมากบางครั้งลมพายุ ที่เกิดขึ้นจะพัดวนรอบจุดศูนย์กลาง และคือ สภาพบรรยากาศที่ถูกรบกวนแบบใดๆก็ตาม โดยเฉพาะที่มีก็ตาม โดยเฉพาะที่มีผลกระทบต่อพื้นผิวโลก ที่บ่งบอกถึงสภาพอากาศที่รุนแรงเวลาที่เรากล่าวถึงความรุนแรงของพายุ มัักเราพูดถึงความเร็วที่ศูนย์กลางซึ่งอาจสูงถึง 400 กม. / ชม. ความเร็วของการเคลื่อนตัวทิศทางการเคลื่อนตัวของพายุ และขนาดความกว้างหรือเส้นผ่าศูนย์กลางของตัวพายุ ซึ่งบอก ถึงอาณาบริเวณที่จะได้รัความเสียหาย จึงเรียกว่า พายุหมุน พายุหมุนที่เกิดในเขตร้อน เรียก ว่า พายุหมุนเขตร้อน ถ้าเกิดนอกร้อน เรียกว่าพายุหมุนนอกเขตร้อน
พายุหมุนนอกเขตร้อน
พายุหมุนเขตร้อน
คือ พายุที่เกิดเหนือทะเล หรือมหาสมุทรในเขตร้อน โดยมีลมพัดหมุนเวียนเข้าสู่จุดศูนย์กลางความกดอากาศ ต่ำเนื่องจากอากาศตรงจุดศูนย์กลางมีความกดอากาศต่ำกว่าบริเวณรอบๆ ทำให้ลมพัดด้วยความเร็วสูงมากมี กำลังมากกำลังลมแรงสูงสุดศูนย์กลางอาจถึง 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (Km/h) เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ สามารถ ทำความเสียหายได้รุนแรงและเป็นบริเวณกว้างมีลักษณะเด่น คือมีศูนย์กลางหรือที่เรียกว่าตาพายุเป็น บริเวณที่มีลมสงบอากาศโปร่งใสโดยอาจมีเมฆ และฝนบ้างเล็กน้อยล้อมรอบด้วยพื้นที่บริเวณกว้างรัศมีหลาย ร้อยกิโลเมตร ซึ่งปรากฏฝนตกหนัก และพายุลมแรงพัดเวียนเข้าหาศูนย์กลาง ดังนั้นในบริเวณที่พายุหมุนเขตร้อน เคลื่อนที่ผ่านครั้งแรก จะปรากฏลักษณะอากาศโปร่งใสเมื่อด้านหน้าของพายุหมุนเขตร้อนมาถึงจะปรากฏลมแรง ฝนตกหนักและ มีพายุฟ้าคะนองลมกระโชกแรงและอาจปรากฏพายุทอร์นาโดในขณะตาพายุมาถึงอากาศจะโปร่ง ใสอีกครั้ง และเมื่อด้านหลังของพายุหมุนมาถึงอากาศจะเลวร้ายลงอีกครั้งและรุนแรงกว่าครั้งแรก

คือ พายุที่เกิดเหนือทะเล หรือมหาสมุทรในเขตร้อน โดยมีลมพัดหมุนเวียนเข้าสู่จุดศูนย์กลางความกดอากาศ ต่ำเนื่องจากอากาศตรงจุดศูนย์กลางมีความกดอากาศต่ำกว่าบริเวณรอบๆ ทำให้ลมพัดด้วยความเร็วสูงมากมี กำลังมากกำลังลมแรงสูงสุดศูนย์กลางอาจถึง 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (Km/h) เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ สามารถ ทำความเสียหายได้รุนแรงและเป็นบริเวณกว้างมีลักษณะเด่น คือมีศูนย์กลางหรือที่เรียกว่าตาพายุเป็น บริเวณที่มีลมสงบอากาศโปร่งใสโดยอาจมีเมฆ และฝนบ้างเล็กน้อยล้อมรอบด้วยพื้นที่บริเวณกว้างรัศมีหลาย ร้อยกิโลเมตร ซึ่งปรากฏฝนตกหนัก และพายุลมแรงพัดเวียนเข้าหาศูนย์กลาง ดังนั้นในบริเวณที่พายุหมุนเขตร้อน เคลื่อนที่ผ่านครั้งแรก จะปรากฏลักษณะอากาศโปร่งใสเมื่อด้านหน้าของพายุหมุนเขตร้อนมาถึงจะปรากฏลมแรง ฝนตกหนักและ มีพายุฟ้าคะนองลมกระโชกแรงและอาจปรากฏพายุทอร์นาโดในขณะตาพายุมาถึงอากาศจะโปร่ง ใสอีกครั้ง และเมื่อด้านหลังของพายุหมุนมาถึงอากาศจะเลวร้ายลงอีกครั้งและรุนแรงกว่าครั้งแรก
ข้อตกลงระหว่างประเทศ ได้กำหนดเรียกชื่อประเภทพายุหมุน โดยใช้ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางเป็น
เกณ์ดังตาราง
เกณ์ดังตาราง
ความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลาง | ชื่อพายุหมุนเขตร้อน |
---|---|
ไม่เกิน 61
|
พายุดีเปรสชั่น
|
62-117
|
พายุโซนร้อน
|
มากกว่า 118
|
พายุไต้ฝุ่น
|
นอกจากนี้ยังมีการเรียกชื่อพายุหมุนเขตร้อนตามบริเวณท้องถิ่น เช่น
ไซโคลน ![]() เดีย เฮอริเคน ![]() ทะเลแคริบเบียน อ่าวแม็กซิโก และทางด้านฝั่ง ตะวันตกของแม็กซิโก วิลลี-วิลลี ![]() |
---|
การเรียกชื่อพายุหมุนเขตร้อน
ชื่อพายุหมุนเขตร้อนกำหนดขึ้นโดยนักกรมอุตุนิยมวิทยาเพื่อสะดวกในการแจ้งข่าวสาร หรือออกประกาศคำ เตือน วิธีจัดตั้งชื่อของพายุนั้นเรียงตามลำดับอักษรโรมันตั้งแต่่อักษร A ไปถึง Z จำนวน 4 ชุด (อักษรQ, U ,X ไม่ใช้ตั้งชื่อ ) และกำหนดให้ชื่อของพายุตามลำดับอักษรก่อน หลังใช้หมุนเวียนกันไปตามลำดับตัวอักษร และ ลำดับชุดเมื่อใช้ถึงชื่อสุดท้ายของชุด 4 แล้วจะไปเริ่มต้นชื่อแรกของชุด 1 ดังปรากฏในตาราง
ตาราง: รายชื่อพายุที่ก่อตัวทางมหาสมุทรแปซิฟิกด้านตะวันตกตอนบนและทะเลจีนใต |
---|
ชุดที่ 1
|
ชุดที่ 2
|
ชุดที่ 3
|
ชุดที่ 4
|
ชุดที่ 5
|
---|---|---|---|---|
Damray
ดอมเรย
Haima
ไหหม่า
Longwang
หลงหวาง
Kirogi
ไคโรจิ
Kai-tak
ไคตั๊ก
Tembin
เทมบิง
Bolaven
โบลาเวน
Chanchun
จันจู
Jelawat
เจอลาวัต
Ewiniar
เอวิเนียร์
Bilis
บิลิส
Kaemi
เกมี
Prapiroon
พระพิรุณ
Maria
มาเรีย
Saomai
ชาวไม
Bopho
โบพา
Wukong
หวู่คง
Sonamu
โซนามุ
Shanshan
ซานซาน
Yagi
ยางิ
Xangsane
ช้างสาน
Bebinca
เบบินคา
Rumbia
รุมเบีย
Soulik
ซูลิก
Cimaron
ซิมาริน
Chebi
เชบี
Durian
ทุเรียน
Utor
อูตอร์
Trami
จ่ามี |
Kong-rey
กองเรย
Haima
ไหหม่า
Yutu
ยู่ทู่
Toraji
โทราจิ
Man-yi
ม่านหยี่
Uasgi
อุซางิ
Pabuk
ปาึปึก
Wutip
หวู่ติ๊บ
Sepat
เซอปัต
Fitow
ฟิโทว์
Danus
ดานัส
Nari
นารี
Wipha
วิภา
Francisco
ฟรานซิโก
Lekima
เลกีมา
Krosa
กรดซา
Haiyan
ไห่เยี่ยน
Podul
โพดอล
Lingling
เหล่งเหลง
Kajiki
คะจิกิ
Faxai
ฟ้าใส
Vamei
ฮัวเหม่ย
Tapah
ตาปาร์
Mitag
มิแทก
Hagibis
ฮากิบิส
Nguri
โนกูรี
Rammasun
รามสูร
Chataan
ชาทาอาน
Halong
หะลอง |
Nakri
นากรี
Haima
ไหหม่า
Fengshen
ฟงเฉิน
Kalmaeji
คัลเมจิ
Fung-wong
ฟองวอง
Kammuri
คัมมูริ
Phanfone
พันฝน
Vongfong
หว่ิองฟง
Rusa
รูซา
Sinlaku
ซินลากอ
Hagupit
ฮากูปิต
Changmi
ชิงมี
Mekkhala
เมขลา
Higos
ฮิโกส
Bavi
บาหวี่
Maysak
ไม้สัก
Haishen
ไห่เฉิน
Pongsona
พงโซนา
Yanyan
ยันยัน
Kujira
คุจิระ
Chan-hom
จันหอม
Linfa
หลิ่นฟ้า
Nangka
นังกา
Soudelor
เซาเดโลว์
Imbudo
อิมบุโด
Koni
โคนี
Morakot
มรกต
Etau
เอตาว
Vamco
หว่ามก๋อ |
Krovanh
กรอวาญ
Haima
ไหหม่า
Dujuan
ตู้เจี้ยน
Maemi
เมมิ
Choi-wan
ฉอยหวั่น
Koppu
คอปปุ
Ketsana
กิสนา
Parme
ป้าหม่า
Melor
เมอโลร์
Nepartak
เนพาร์ตัก
Lupit
ลูปิต
Sudal
ซูแดล
Nida
นิดา
Omais
โอไมส์
Conson
โกนเซิน
Chanthu
จันทู
Dianmu
เตี็ยนหมู่
Mindulle
มินดอนเล
Tingting
เถ่งเถง
Kompasu
คอมปาซุ
Namtheun
น้ำเทิน
Molou
หม่ำโหล
Meranti
เมอรันตี
Rananim
รานานิม
MaraKas
มารากัส
Megi
เมกี
Chaba
ชบา
Aere
แอรี
Songda
ชงด่า |
Sarika
สาริกา
Haima
ไหหม่า
Meari
มิอะริ
Ma-on
หมาง้อน
Tokage
โทคาเงะ
Nock-ten
นกเตน Muifa หมุุ่ยฟ้า
Merbok
เมอร์บุก
Nanmadol
นันมาดอล
Talas
ตาลัส
Noru
โนรู
Kulap
กุหลาบ
Roke
โรคี
Sonca
เซินกา
Nesat
เนสาด
Haitang
ไห่ถาง
Nalgae
นาลแก
Banyan
บันยัน
Washi
วาชิ
Matsa
มัดสา
Sunvu
ซันหวู่
Mawar
มาวาร์
Guchol
กูโซล
Talim
ตาลิม
Nabi
นาบี
Khanun
ขนุน
Vicente
วีเซนเต
Saola
ซาวลา |
โครงสร้างของพายุ
การเคลื่อนตัวของเมฆรอบศูนย์กลางพายุก่อตัวเป็นรูปดวงก้นหอยที่เด่นชัดแถบ หรือวงแขนที่อาจยื่นโค้งเป็น ระยะที่ยาวออกไปได้มากในขณะที่เมฆถูกดึงเข้าสู่วงหมุน ทิศทางวงหมุนของพายุขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่เกิดว่าอยู่ ณ ส่วนใดของซีกโลกดังกล่าวแล้ว หากอยู่ซีกโลกเหนือ พายุจะหมุนทวนเข็มนาฬิกา ด้านซีกโลกใต้จะหมุนตาม เข็มนาฬิกา ความเร็วสูงสุดของพายุหมุนเขตร้อนที่เคยวัดได้มีความเร็วมากกว่า 85 เมตร/วินาที (165 นอต, 190 ไมล์/ชั่วโมง, 305 กิโลเมตร/ชั่วโมง) พายุที่รุนแรงมาก และอยู่ในระยะก่อตัวช่วงสูงสุดบางครั้งอาจมีรูป ร่าง ของโค้งด้านในแลดูเหมือนอัฒจรรย์สนามแข่งขันฟุตบอลได้ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นบางครั้งในลักษณะเช่นนี้
เรียกว่า “ปรากฏการณ์อัฒจรรย์” (stadium effect) วงหมุนที่เกิดผนังตาพายุจะเกิดตามปกติเมื่อพายุมีความ รุนแรง มาก เมื่อพายุแรงถึงขีดสุดก็มักจะเกิดการหดตัว ของรัศมีกำแพงตาพายุเล็กลงถึงประมาณ 8-24กิโลเมตร
(5-15 ไมล์)ซึ่งบางครั้งอาจไม่เกิด ถึงจุดนี้เมฆฝนอาจก่อตัวเป็นแถบอยู่ด้านนอกแล้วค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าวงใน แย่งเอาความชื้นและแรงผลักดันหรือโมเมนตันจากผนังตาพายุ ทำให้ความรุนแรงลดลงบ้าง(ความเร็วสูงสุดที่ ผนังลดลงเล็กน้อยและความกดอากาศสูงขึ้น) ในที่สุดผนังตาพายุด้านนอกก็จะเข้ามาแทนผนังในจนหมดทำให้ พายุกลับมามีความเร็วเท่าเดิม แต่ในบางกรณีอาจกลับเร็วขึ้นได้ แม้พายุหมุนจะอ่อนตัวลงที่ปลายผนังตาที่ถูก แทนที่ แต่ที่จริงแล้วการเพิ่งผ่านปรากฏการณ์ลักษณะนี้ในรอบแรกและชะลอการเกิดในรอบต่อไปเป็นการเปิด โอกาสให้ความรุนแรงสะสมตัวเพิ่มขึ้นอีกได้ถ้ามีสภาวะที่เหมาะสม
เรียกว่า “ปรากฏการณ์อัฒจรรย์” (stadium effect) วงหมุนที่เกิดผนังตาพายุจะเกิดตามปกติเมื่อพายุมีความ รุนแรง มาก เมื่อพายุแรงถึงขีดสุดก็มักจะเกิดการหดตัว ของรัศมีกำแพงตาพายุเล็กลงถึงประมาณ 8-24กิโลเมตร
(5-15 ไมล์)ซึ่งบางครั้งอาจไม่เกิด ถึงจุดนี้เมฆฝนอาจก่อตัวเป็นแถบอยู่ด้านนอกแล้วค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าวงใน แย่งเอาความชื้นและแรงผลักดันหรือโมเมนตันจากผนังตาพายุ ทำให้ความรุนแรงลดลงบ้าง(ความเร็วสูงสุดที่ ผนังลดลงเล็กน้อยและความกดอากาศสูงขึ้น) ในที่สุดผนังตาพายุด้านนอกก็จะเข้ามาแทนผนังในจนหมดทำให้ พายุกลับมามีความเร็วเท่าเดิม แต่ในบางกรณีอาจกลับเร็วขึ้นได้ แม้พายุหมุนจะอ่อนตัวลงที่ปลายผนังตาที่ถูก แทนที่ แต่ที่จริงแล้วการเพิ่งผ่านปรากฏการณ์ลักษณะนี้ในรอบแรกและชะลอการเกิดในรอบต่อไปเป็นการเปิด โอกาสให้ความรุนแรงสะสมตัวเพิ่มขึ้นอีกได้ถ้ามีสภาวะที่เหมาะสม


ภาพด้านบน คือโครงสร้างของพายุหมุนเขตร้อน ประกอบไปด้วย 1) บริเวณตาพายุ (EYE STORM)คือ 2) บริเวณกำแพงตาพายุ (EYEWALL) 3) บริเวณพายุฝนฟ้าคะนองจากเมฆคิวมูโลนิมบัสมากที่สุด (RAINBANDS) ส่วนลูกศรสีแดงด้านบนสุด คือการขยายตัวของกระแสอากาศ และไอน้ำจากบริเวณกำแพงตา พายุ (EYEWALL) กระแสอากาศและไอน้ำจะถูกยกพัดขึ้นไปสู่เบื้องบนสุด และขยายใหญ่ครอบคลุมเป็นบริเวณ กว้างด้วยเมฆเซอร์รัสเป็นส่วนใหญ่
โครงสร้างของพายุหมุนเขตร้อนประกอบด้วย
1) บริเวณตาพายุ (EYE STORM)
2) บริเวณกำแพงตาพายุ (EYEWALL)
3) บริเวณพายุฝนฟ้าคะนองจากเมฆคิวมูโลนิมบัสมากที่สุด (RAINBANDS)

- บริเวณตาพายุ (EYE STORM) คือบริเวณใจกลางของพายุเลย พายุไต้ฝุ่นเมื่อยังไม่เจริญเต็มที่ (ระดับ 1-2) บริเวณตาพายุส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยชัดเจนนักมีเมฆชนิดคิวมูลัสลอยบริเวณตาพายุบ้างเป็นบางส่วนมีลมพัดอ่อนๆแต่ไม่ถึงกับสงบนักประมาณ 13 นอต(24 ก.ม./ช.ม.) แต่เมื่อใต้ฝุ่นเจริญเต็มที่(ระดับ 3-4-5) บริเวณตาพายุเริ่มเห็นชัดเจนขึ้น เมฆชนิดคิวมูลัสที่ลอยกระจัดกระจายบริเวณตาพายุก็พลันหาย ไปกลายเป็นท้องฟ้าแจ่มใส เมื่อตาพายุเคลื่อนไปอยู่บริเวณใด ท้องฟ้าจะแจ่มใสถ้ากลางวันแดดจะจัด สามารถ ปรากฏดวงอาทิตย์ได้ชัดเจน แต่ถ้ากลางคืนจะสามารถมองเห็นดวงดาวได้ชัดเจนมากๆ เสมือนหนึ่งว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ลมก็จะสงบนิ่งไม่ปรากฏลมพัดเลย อย่างไรก็ตามอากาศจะร้อนอบอ้าว เอามากๆเนื่องจากความกดอากาศในกลางพายุนั้นต่ำมาก ใครที่อยู่บริเวณใจกลางตาพายุระดับ 4-5 อาจทำให้แก้วหูเกิดอันตรายได้บริเวณตาพายุนี้เมื่อกำลังเคลื่อนผ่านบริเวณนั้นๆท้องฟ้าจะแจ่มใสมากเมื่อเรามองท้องฟ้าเวลากลาง วันท้อง ฟ้าจะสีฟ้าสด และลมจะสงบมาก บางคนดีใจคิดว่าพายุนี้ได้ผ่านพ้นไปแล้ว แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่จริงๆมันเป็นเพียงแค่ครึ่งแรกของพายุเท่านั้น แต่คล้อยหลังประมาณ 45 นาที 1 ชั่วโมงครึ่ง หลังของ พายุจะเริ่มพัดเข้ามา ครึ่งหลังของพายุนี้จะหนัก และรุนแรง กว่าครึ่งแรกของพายุหลายเท่า ทั้งนี้เนื่อง จากทิศทางการเคลื่อนที่ทำให้เกิดแรงเหวี่ยงของพายุ
ไซโคลน
บริเวณที่มีความกดอากาศสูงกว่าบริเวณใกล้เคียงที่อยู่รอบๆ ในแผนที่อากาศผิวพื้นแสดงด้วยเส้นความกด อากาศเท่าเป็นวงกลม หรือเป็นวงรีรูปไข่ล้อมรอบบริเวณที่มีความกดอากาศสูงนั่นคือ บริเวณความกดอากาศสูง หรือแอนติไซโคลน จะเป็นบริเวณที่มีความกดอากาศสูงขึ้นจากขอบนอกเข้าสู่ศูนย์กลางบริเวณ ความกดอากาศ
สูง หรือแอนติไซโคลนนี้จะมีกระแสลมพัดออกจากศูนย์กลางในทิศทางตามเข็มนาฬิกาในซีกโลกเหนือ และใน ทิศทางทวนเข็มนาฬิกาในซีกโลกใต้การเคลื่อนไหว ของอากาศรอบศูนย์กลางบริเวณความกดอากาศสูงหรือ แอนติไซโคลนเช่นนี้ เรียกว่า Anticyclonic Circulation
สูง หรือแอนติไซโคลนนี้จะมีกระแสลมพัดออกจากศูนย์กลางในทิศทางตามเข็มนาฬิกาในซีกโลกเหนือ และใน ทิศทางทวนเข็มนาฬิกาในซีกโลกใต้การเคลื่อนไหว ของอากาศรอบศูนย์กลางบริเวณความกดอากาศสูงหรือ แอนติไซโคลนเช่นนี้ เรียกว่า Anticyclonic Circulation

ไซโคลน(Cyclone) หมุนตัวทวนเข็มนาฬิกาเข้าสู่ศูนย์กลาง และมวลอากาศรอบ หย่อมความกดอากาศสูง (H) “แอนติไซโคลน” (Anticyclone) หมุนตัวตามเข็มนาฬิกาออกจากศูนย์กลางในบริเวณซีกโลกใต้ และ “แอนติไซโคลน” จะหมุนตัวทวน เข็มนาฬิกาตรงกันข้ามกับซีกโลกเหนือ
ทอร์นาโด
เป็นพายุที่เกิดจากการหมุนของอากาศสามารถเกิดขึ้นได้ในหลายลักษณะโดยลักษณะที่พบได้บ่อยสุด คือ ลักษณะรูปทรงกรวย โดยส่วนปลายโคนชี้ลงที่พื้นทอร์นาโดสามารถก่อพลังทำลายได้สูง โดยความเร็วลม สามารถสูงมากถึง 500 กม/ช.ม (300 ไมล์/ชม) ซึ่งก่อให้เกิดการพังทลายของสิ่งก่อสร้างได้เนื่องจากสภาพ ภูมิประเทศที่สามารถก่อ ให้เกิดลมร้อนและไอเย็นปะทะกันบริเวณทุ่งราบ
ทอร์นาโดแบ่งออกเป็นรายระดับตามกำลังทำลายและความเร็วลมโดยแบ่งเป็น F0-F5 โดยF0 เป็นทอร์นาโด
ที่อ่อนกำลังสุด และ F5 เป็นทอร์นาโดที่กำลังแรงสุด
ที่อ่อนกำลังสุด และ F5 เป็นทอร์นาโดที่กำลังแรงสุด
การก่อตัวของพายุทอร์นาโด

ทอร์นาโด
การจำแนกระดับของทอร์นาโดจะยึดตามFujitascaleซึ่งกำหนดให้พายุในแต่ละ ระดับมีความแรงซึ่งทำให้เกิด
ความเสียหายดังนี้
ความเสียหายดังนี้
พายุ F0 ความเร็วลม 64-116 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

พายุ F1 ความเร็วลม 117-180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

พายุ F2 ความเร็วลม 181-253 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ที่มาของข้อมูล : http://th.wikipedia.org/wiki/
เฮอริเคน
คือเป็นพายุหมุนเขตร้อน ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่าจะเกิดบริเวณเขตร้อนใน มหาสมุทรหรือทะเลที่มีอุณหภูมิตั้ง แต่ 26 องศาเซลเซียสขึ้นไปเกิดนอกเขตบริเวณเส้นศูนย์สูตร มัจะเริ่มจากพายุฝนฟ้าคะนองแล้วค่อยพัฒนา ความรุนแรงขึ้นจนมีความเร็วลมอย่างน้อย 74 ไมล์ต่อชั่วโมง ตัวพายุอาจกว้างถึง 600 ไมล์ และนี่คือ การเกิด ของพายุเฮอริเคน

สาเหตุการเกิดพายุเฮอริเคน
น้ำอุ่นเจอกับอากาศที่เคลื่อนที่ พายุเฮอริเคนในมหาสมุทรแอตแลนติกเกิดจากน้ำทะเลระเหยขึ้นไปในอากาศกลาย เป็นไอน้ำหรืออากาศชื้นที่ มีความอุ่น และไปรวมตัวกับคลื่นอากาศที่ถูกพัดพามาจาก ทางแอฟริกา
รวมตัวเป็นพายุโซนร้อน (tropical storm) อากาศชื้นลอยตัวขึ้นสูงและมีอุณหภูมิต่ำลง ควบแน่นกลาย เป็นเมฆฝน(thunder cloud)
จากพายุกลายมาเป็นเฮอริเคน
ลมที่มีกำลังแรงจัดและการหมุนรอบตัวเองรอบแกนของโลก ทำให้เมฆฝนคล้ายกับล้อรถเมื่อลมมีความเร็วถึง 74 ไมล์ต่อชั่วโมง ก็กลายเป็นเฮอริเคน ทำให้เมืองที่อยู่ ตามชายฝั่ง เช่น นิวออลีนส์ ถูกโจมตีจนเกิดน้ำท่วม
ลมที่มีกำลังแรงจัดและการหมุนรอบตัวเองรอบแกนของโลก ทำให้เมฆฝนคล้ายกับล้อรถเมื่อลมมีความเร็วถึง 74 ไมล์ต่อชั่วโมง ก็กลายเป็นเฮอริเคน ทำให้เมืองที่อยู่ ตามชายฝั่ง เช่น นิวออลีนส์ ถูกโจมตีจนเกิดน้ำท่วม
การหมุนของเฮอริเคน
พายุเฮอริเคนจะหมุนทวนเข็มนาฬิกา และขณะที่มันหมุนจะดูดรับความชื้นในทะเล และ ไอน้ำเข้าไปเป็น ปริมาณถึง 200,000 ตัน
เฮอริเคนโจมตีทวีป
พายุเข้าโจมตีภาคพื้นทวีปด้วยความเร็ว 12 ไมล์ต่อชั่วโมง ถ้ามันขึ้นมาถึงบริเวณที่เป็นน้ำตื้นจะเกิดเป็นคลื่น
ลูกใหญ่ขนาดมหึมาเข้าโจมตีชายฝั่ง
พายุเข้าโจมตีภาคพื้นทวีปด้วยความเร็ว 12 ไมล์ต่อชั่วโมง ถ้ามันขึ้นมาถึงบริเวณที่เป็นน้ำตื้นจะเกิดเป็นคลื่น
ลูกใหญ่ขนาดมหึมาเข้าโจมตีชายฝั่ง
พายุอ่อนกำลังลง
เมื่อพายุเฮอริเคนมาเจอกับความชื้นและอากาศอุ่นของทะเลพายุจะอ่อนกำลังลง และ สิ้นฤทธิ์ภายใน 2-3 วัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น